ดูบทความ
ดูบทความการกินช่วยเสริมสร้าง ระบบเผาผลาญอาหาร
การกินช่วยเสริมสร้าง ระบบเผาผลาญอาหาร
ระบบเผาผลาญจะเป็นตัวกำหนดอัตราการเผาผลาญพลังงาน (metabolic rate)
ถ้าอัตราการเผาผลาญต่ำจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือลดน้ำหนักยาก
ซึ่งแต่ละคนมีประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานแตกต่างกัน
1.ต้องไม่ลืมกินอาหารเช้า
คนที่งดอาหารเช้าอ้วนได้มากกว่าคนที่กินอาหารเช้าถึง 4 เท่า การงดอาหารเช้าร่างกาย
จะเข้าสู่ระบบสงวนพลังงานโดยการลดอัตราการเผาผลาญลง ทำให้ร่างกายสะสมพลังงาน
ในรูปของไขมันอย่างเต็มที่ และยังเป็นที่มาของ “อาการกินกลางคืน” ด้วยและสิ่งที่ชัดเจนที่สุด
คือ อาหารเช้าช่วยให้หิวน้อยตลอดวัน
2.ต่อสู้ไขมันด้วยไขมัน
กรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น กรดไขมันโอเมก้า – 3 ทำให้ร่างกายมีกระบวนการเผาผลาญพลังงาน
ที่สูงขึ้นช่วยให้ร่างกายกำจัดของเหลวส่วนเกินอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า – 3 มาก ได้แก่ปลา
โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก
3.กินอาหารธรรมชาติไม่ขัดขาว
ชีวิตปัจจุบันที่เร่งรีบ การฝากท้องไว้กับอาหารสำเร็จรูป ทำให้เสี่ยงกับสารฟอกสี สารพิษต่างๆ
อาหารขัดขาวต่างๆ ทำให้ร่างกายต้องเผาผลาญมากและอาจมีสารพิษตกค้างอยู่ในระบบย่อยอาหาร
และระบบเผาผลาญอาหารได้ การกินอาหารธรรมชาติที่ไม่ขัดขาวไม่ใส่สี จึงทำให้ใช้เวลาในการ
เผาผลาญน้อยกว่า เผาผลาญได้สมบูรณ์กว่าร่างกายไม่ต้องทำงานหนัก
4.แบ่งกินมื้อเล็กๆ
การกินอาหารแบ่งเป็นมื้อเล็กๆวันละ 4 – 6 มื้อ ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและลดน้ำหนัก
ได้มากขึ้น คนที่ทิ้งช่วงระหว่างมื้อนานเกินไป ระบบเผาผลาญจะปรับตัวให้ทำงานช้าลงเพื่อ
ชดเชยกับการไม่ได้กิน แต่ถ้ากินมื้อใหญ่เกินไประบบเผาผลาญจะทำงานเสมือนว่าคุณกำลังอดอยาก
จึงเก็บแคลอรีทั้งหมดไว้เพื่อสะสมเป็นเสบียงยามขาดแคลนทำให้อ้วนขึ้นได้
5.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำรักษาสมดุลของการเผาผลาญพลังงาน รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ ช่วยให้ร่างกายขับของเสีย
ออกมาเป็นเหงื่อทางผิวหนังปัสสาวะ หรือทางลมหายใจ ช่วยลดการสะสมของไขมัน แบ่งเบาภาระของตับ
และช่วยลดอาการบวมน้ำในเนื้อเยื่ออีกด้วย ดังนั้น การที่เราดื่มน้ำเป็นประจำสม่ำเสมอเพียงพอต่อ
ความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานได้โดยไร้อุปสรรค
หากดื่มน้ำน้อยเกินไป ระบบเผาผลาญจะลดลงเหมือนการขาดอาหาร โดยตับจะเก็บน้ำไว้แทนที่จะใช้ไป
ในการเผาผลาญไขมัน เพราะเป็นตัวช่วยในการไหลเวียนและการดูดซึมของสารอาหารต่างๆ ในร่างกายผ่าน
เลือดเมื่อดื่มน้ำเพียงพอ การไหลเวียนเลือดจะดีส่งผลให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้นด้วย
6.เลี่ยงอาหารไขมันสูง น้ำตาลและของหวาน
ร่างกายจะสะสมไขมันจากอาหารได้รวดเร็วกว่าโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนัก
เพิ่มขึ้นไขมันทำให้ระบบเผาผลาญอาหารทำงานช้า เนื่องจากร่างกายเผาผลาญไขมันได้ช้าที่สุด
การกินน้ำตาลและของหวานมากเป็นประจำ ร่างกายจะสะสมไขมันมากกว่าจะเผาผลาญไขมันออกมาใช้
ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
7.กินผัก ธัญพืช และผลไม้ไม่หวาน
การกินผักโดยเฉพาะผักสด ช่วยให้การเผาผลาญดีขึ้นได้เนื่องจากผักสดมีเอนไซม์
และวิตามินที่ช่วยในการเผาผลาญพลังงานนอกจากนี้ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น
ถั่วต่างๆ ก็ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น สำหรับอาหารว่าง แนะนำผลไม้ที่รสไม่หวาน
เป็นอาหารว่างในช่วงระหว่างมื้อต่างๆ หรือตอนเช้า เป็นการเพิ่มใยอาหารที่มีประโยชน์
พร้อมกับให้ความสดชื่น
8.วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ
ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยให้เกิดสภาพคล่องของการเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิตามินบี 1 : เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตในอาหารเป็นพลังงานให้เซลล์ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร
แคลเซียม : ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันโดยไปหยุดยั้งการทำงานของฮอร์โมนที่ควบคุมการสะสมไขมันส่วนเกิน
วิตามินบี 6 : ช่วยย่อยโปรตีน ทำหน้าที่ในกระบวนการเผาผลาญกรดแอมิโน จำเป็นต่อการสลายตัวของไกลโคเจน
ฟอสฟอรัส : เร่งการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน : อาหารจำพวกผัก ผลไม้ และธัญพืช มีสารอาหารและไฟเบอร์สูง สามารถช่วยลดน้ำหนักได้
และรักษาระดับน้ำหนักให้คงที่ได้
ชาเขียว : สารคาเตชินในชาเขียวมีส่วนช่วยเผาผลาญพลังงานและช่วยลดน้ำหนัก โดยไปกระตุ้นให้เกิด กระบวนการออกซิเดชันของไขมัน
9.สมุนไพรเพิ่มการเผาผลาญ
สารที่ให้ความเผ็ดออกฤทธิ์กระตุ้นให้ระบบเผาผลาญอาหารของร่างกายทำงานมากขึ้น
นอกจากพริกและพริกไทยแล้ว เรายังมีขิง ข่า ตะไคร้ อบเชย ใบกานพลู ที่มีสรรพคุณเด่นในด้านนี้
นอกจากนี้สมุนไพรยังช่วยปรับสมดุลระบบของเหลวในร่างกาย ทั้งยังช่วยลดความเครียด
ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้การเผาผลาญทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
03 ตุลาคม 2564
ผู้ชม 2935 ครั้ง
แสดงความคิดเห็น